จูบแบบเข้าใจ: ประโยชน์ เคมี และความลับสัมพันธ์
เคยสงสัยไหมว่าทำไมการจูบถึงสำคัญ? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักคุณค่าและประโยชน์ของการจูบ ตั้งแต่เรื่องเคมีในร่างกายกับความสัมพันธ์ ไปจนถึงบทบาทของการจูบในวิวัฒนาการและความสุขของคู่รัก ค้นพบเคล็ดลับและวิธีทำให้ทุกครั้งที่จูบเต็มไปด้วยความหมายและความสุขยิ่งขึ้น
ทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการจูบ
การจูบไม่ได้เป็นเพียงแค่การสัมผัสริมฝีปาก แต่คือการสื่อสารความรู้สึก เชื่อมโยงใจ และยังซ่อนกลไกทางวิทยาศาสตร์ไว้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย สาเหตุที่แท้จริงที่เราชอบจูบกันคืออะไร?
การจูบกับเคมีระหว่างคนสองคน
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่าการจูบช่วยให้เรารับรู้กลิ่นกายและฟีโรโมนของคู่ ทำให้ประเมินความเข้ากันได้ทางพันธุกรรม โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีแนวโน้มเลือกคู่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่างกัน เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ลูกที่แข็งแรง
ค็อกเทลฮอร์โมนของความรัก
ขณะจูบ ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข เช่น โดปามีน (กระตุ้นความรู้สึกและความปรารถนา) เซโรโทนิน (ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและคิดถึงคนรัก) และออกซิโทซิน (สร้างความผูกพัน) ไม่เพียงเท่านั้น การจูบแบบลึกยังเผาผลาญพลังงานได้ถึง 24 แคลอรีต่อนาทีอีกด้วย
จูบช่วยกระตุ้นจุดสุดยอดของผู้หญิง
ศึกษาพบว่าการจูบอย่างดูดดื่มระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพิ่มโอกาสให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น การเชื่อมโยงใจมักเริ่มต้นที่ริมฝีปาก
ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
คนจำนวนไม่น้อยยุติความสัมพันธ์ตั้งแต่แรกเพราะประสบการณ์จูบที่ไม่ดี โดยเฉพาะผู้หญิงจะใส่ใจกับความสะอาดช่องปากขณะที่ผู้ชายสนใจหน้าตา บางครั้งแม้จะจูบไม่ประทับใจ ผู้ชายก็พร้อมมีเซ็กซ์ต่อ ในขณะที่ผู้หญิงจะถอยออก
การจูบกับแรงปรารถนาในตัวคุณ
ผู้ชายมักนิยมจูบแบบลึก เพราะน้ำลายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เชื่อว่าเพิ่มความต้องการของผู้หญิงได้
การจูบเป็นมากกว่าความโรแมนติก เป็นประสบการณ์ที่สร้างความใกล้ชิดและสุขภาพใจ หากอยากรู้วิธีเสริมสร้างชีวิตคู่มากขึ้น ค้นพบได้ที่ Climax™
1. Is the Romantic–Sexual Kiss a Near Human Universal? William R. Jankowiak, Shelly L. Volsche, Justin R. Garcia, 2015
2. Frederick DA, John HKS, Garcia JR, Lloyd EA. ความแตกต่างของความถี่ในการถึงจุดสุดยอดในผู้ชายและผู้หญิงที่เป็นเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล และรักต่างเพศในกลุ่มตัวอย่างระดับประเทศของสหรัฐฯ Arch Sex Behav. 2018 Jan;47(1):273-288. doi:10.1007/s10508-017-0939-z
3. The Science of Kissing: What Our Lips Are Telling Us, Sheril Kirshenbaum, อ้างอิงถึง Helen Fisher, Rutgers University
4. https://www.albright.edu/faculty-detail/susan-hughes-ph-d/
